ทำ Social Network Marketing อย่างไรให้ได้ผล?



สำหรับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก Social Network ชื่อดัง อย่าง FacebookHi5, หรือTwitter ซึ่งถ้าดูกันตามสถิติจริงๆ แล้วจะเห็นว่า แนวโน้มของผู้ใช้งาน Social Network มีมากขึ้นทุกวัน และบางคนก็ใช้งานอยู่ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเรียกว่า Social Network มาดูสถิติจากห้องข่าว (Press Room) ของ Facebook กันดีกว่า
สถิติ จากห้องข่าว (Press Room) ใน Facebook
- มีผู้ใช้งาน Facebook มากกว่า 500 ล้านคน
- 50% ของผู้ใช้งาน เข้าสู่ Facebook ในแต่ละวัน
- ผู้ใช้งานมีเพื่อน 130 คน โดยเฉลี่ย
- ผู้คนใช้เวลาบน Facebook มากกว่า 7 แสนล้านนาที ต่อ 1 เดือน
จากสถิติเหล่านี้ นักการตลาดจากทั่วโลก ก็เริ่มกระโจนเข้ามาทำการตลาดผ่าน Facebook กันมากเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเราเป็นผู้ใช้งานทั่วไป ก็อาจจะไม่ทันสังเกตเห็น เพราะวันวัน มัวแต่ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์กันอยู่ล่ะสิ ใช่มั้ย?
การทำตลาดผ่าน Social Network นั้นก็ยังมีหลายคนเข้าใจผิด คิดเพียงแต่ว่าจะส่งสารของตนไปยังผู้บริโภคแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งแท้จริงแล้ว การตลาดแบบเดิมๆ แบบนี้ จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อ ผู้คนไม่มีทางเลือกอื่นในการเสพสื่อต่างๆ... แต่สำหรับ Social Network แล้วไม่ใช่เลย เพราะผู้คนใน Social Network มักจะเชื่อถือคนที่ตนรู้จัก หรือไว้ใจ เช่น เพื่อน หรือคนที่ปรารถนาดีต่อเขาเท่านั้น การพยายามส่งสารเพื่อประชาสัมพันธ์แต่สินค้าหรือบริการของตน จึงมักไม่ได้ผลเท่าที่ควร

แล้วเราจะทำการตลาดผ่าน Social Network ยังไงดีล่ะ?

facebook-profileคำถามนี้จึงเกิดขึ้นกับนักการตลาดที่กระโจนเข้ามาสู่โลก Internet Marketingซึ่งเดิมที่เราเองก็เคยมีคำถามเหล่านี้อยู่เหมือนกัน เราจึงไม่รอช้ารีบเข้าไปศึกษา โดยทดลองเข้าไปใช้งานจริงกับ Social Network ชื่อดังอย่าง Facebook และTwitter เชื่อมั้ยว่าเดือนแรก เราก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ทำการตลาดไม่เป็น เราโพสแต่โปรโมทสินค้าตนเองใน Twitter จนเมื่อเวลาผ่านไป เดือนนึง เอ๊ะ?? นี่เรากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? ไม่เห็นจะขายอะไรได้เลย เราเลิกเล่น Twitter ไปเลย แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว ก็กลับมาเล่นเหมือนเดิมละ ^_^
ในตอนนั้น ไม่ใช่ว่า Twitter มันไม่ดี แต่เราต่างหากที่ใช้ของผิดประเภท เราพยายามที่จะใช้มัน เพื่อขายสินค้า (Hard Sell) เราเข้าใจผิดอย่างแรงเลยล่ะ แต่ดีหน่อยตรงที่ไม่ได้ทำอย่างนั้นด้วยใน Facebook จึงทำให้เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจน เราใช้ Facebook ในการพูดคุยกับเพื่อน รู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ หรือเพื่อนเก่าๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว ก็ได้มาเจอกันอีก และเมื่อได้มีการสนทนากันกับผู้คนเหล่านั้น แต่ละคนก็เริ่มที่จะเล่าเรื่องราวของตน ว่ากำลังทำงานอะไร คิดอะไร ไปเที่ยวที่ไหน มีปัญหาอะไรในชีวิต บางคนก็เล่าชีวิต "ดราม่า" ซะท่วมจอเลย เฮ้อ!! - -'
  • คนที่เรารู้สึกว่า "ดราม่า" มากไป เราก็ไม่ค่อยอยากจะคุยด้วย จริงมั้ย?
  • คนที่เรารู้สึกว่า "คุกคามสิทธิส่วนตัวมากไป" เช่น พยายามเอาสินค้า หรือธุรกิจ มาโพสในกระดานข้อความ (Wall) ของคนอื่น เพื่อชักชวนให้ซื้อ หรือชวนให้เข้าร่วมธุรกิจ เราก็ไม่อยากจะคุยด้วย จริงมั้ย?
  • คนที่เรารู้สึกว่า "มันเป็นมนุษย์หรือเปล่าหว่า?" เพราะไม่เคยคุยกับใคร และไม่มีใครคุยด้วย ไม่ปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันเลยว่างั้น เอาแต่โพสโปรโมทสินค้าในกระดานข้อความ (Wall) ของตนเอง เราก็ไม่อยากคุยด้วยอีก จริงมั้ย?
ความรู้สึกที่เรามีต่อพฤติกรรมของคนเหล่านี้เป็นอย่างไร ผู้อื่นก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากเรา
ถ้าคุณต้องการจะดึงดูดผู้คนให้มาซื้อสินค้าของคุณ
คุณต้องทำตัวให้น่าคบซะก่อน ก่อนที่คุณจะเอาอะไรไปขายให้เขา
- by - Nattaphon Kaosumli
นี่แหละหัวใจสำคัญของ Social Network Marketing ถ้าคุณทำตัวไม่น่าคบ ต่อให้เมื่อใช้สินค้าของคุณแล้วบินได้ เขาก็ไม่ซื้อกับคุณหรอก เขาจะไปหาซื้อกับคนอื่น เพราะนอกจากจะบินได้แล้ว ยังรู้สึกอุ่นใจมากกว่า... หืม?? สินค้าแบบมีปีก ป่าวหว่า -?-'

ทำยังไง ถึงจะเป็นคนน่าคบล่ะ?

เอ่อ... - -' เอาแล้วไง คำถามนี้ คงต้องถามกลับไปว่า คุณเคยรู้สึกอยากคบ หรืออยากรู้จักกับใครมั้ยล่ะ? คุณก็จงเป็นคนแบบนั้น นั่นแหละ... คำตอบง่ายไปมั้ยเนี่ย ^_^'
เอาล่ะ มาตอบกันแบบเป็นทางการกันดีกว่า สิ่งที่กำลังพูดถึงก็คือ การใช้ Social Network ในการประชาสัมพันธ์ตัวคุณเองยังไงล่ะ ไม่ว่าคุณจะแสดงออกในทางบวก หรือลบ คุณต้องระรึกไว้เสมอว่า บนโลกอินเตอร์เน็ต ข่าวสารกระจายได้รวดเร็วจนคุณคาดไม่ถึงหรอก คุณต้องกลั่นกรองคำพูด ก่อนจะโพสอะไรลงไป เพราะถ้ามันเสียหายต่อภาพลักษณ์ของคุณแล้วล่ะก็ มันเรียกกลับคืนมาได้ยาก
การโปรโมทตัวเอง หรือการทำให้ตัวคุณเองเป็น แบรนด์ (Personal Branding) นั้น ไม่ใช่การนำเสนอขายสินค้า (Hard Sell) แต่เป็นการนำเสนอตัวคุณเอง ตัวอย่างเช่น
  • คุณทำอาชีพอะไร? เน้นการพูดคุยกับผู้คน แลกเปลี่ยนไอเดียในอาชีพของคุณกับเพื่อน
  • มีความสามารถด้านไหน เป็นพิเศษ? ก็พูดคุยอีกนั่นแหละ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปมา ระหว่างคุณกับกลุ่มเพื่อนของคุณ
  • ชอบอะไร? ไม่ชอบอะไร? แสดงความคิดเห็นในสิ่งที่ตนเองชอบ หรือไม่ชอบ และถ้าใครชอบในสิ่งเดียวกัน ก็จะเหมือนแม่เหล็กดึงดูดเข้าหากัน
  • จัดกิจกรรมกลุ่ม หรือออกงานที่ไหนบ้าง? นี่ก็เป็นอีกกิจกรรม ที่สร้างความภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างดีเลยล่ะ
  • ทำประโยชน์อะไรให้กับสังคม? หากคุณได้ไปช่วยเหลือสังคมบ้าง ก็ดีนะ เช่น บริจาคสิ่งของให้ผู้ยากไร้ หรือสมทบทุนมูลนิธิต่างๆ
  • ช่วยแก้ปัญหาให้กับเพื่อนๆ ของคุณ ถ้าคุณทำได้ ก็จงทำซะ
  • ใช้คำพูดสุภาพ และอย่าด่ากันไปๆ มาๆ หากคุณรู้สึกไม่พอใจใคร ก็แค่ลบชื่อเขาออกจากเพื่อน หรือบล็อกชื่อนั้นเอาไว้ก็พอ เพราะยิ่งคุณด่าคนนู้นคนนี้มากเท่าไหร่ ตัวคุณนั่นแหละจะดูแย่ที่สุด
เห็นมั้ยว่าตัวอย่างเหล่านี้ ล้วนไม่ใช่การขายสินค้า (Hard Sell) ทั้งสิ้น แต่เกิดอะไรขึ้นทราบมั้ย สิ่งเหล่านี้ จะดึงดูดผู้คนที่ผ่านเข้ามาเห็นโปรไฟล์ของคุณ เขาจะชื่นชอบคุณ ประทับใจ และรู้สึกว่า คุณเป็นคนน่าเชื่อถือ น่าคบหาด้วยคนนึง และเชื่อมั้ยว่าคนเหล่านั้น เขาจะพยายามรู้จักคุณเอง ว่าคุณเป็นใคร? หรือกำลังทำอะไร? เพราะเขาต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมกับคุณนั่นเอง และถ้าคุณมีสินค้าบางอย่างที่ตรงกับความต้องการของเขา เขาก็จะมาเป็นลูกค้าของคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องเอ่ยปากสักคำ... Bingo!!... การขายจึงเกิดขึ้นตรงนี้แหละ



เรียบเรียงข้อมูลโดย เกศสุดา หอมลา
Article by: Nattaphon
http://www.nattaphon.com/